หน้าเป็นฝ้าเกิดจากอะไร?
ฝ้า คือ สีของผิวหนังบริเวณหนึ่งที่เกิดความผิดปกติเป็นรอยปื้นสีอมน้ำตาล ตามจุดที่กระทบแสงแดดบ่อยๆ โดยสีของผิวจะเกิดจากสารหรือเม็ดสีเมลานิน (melanin) ซึ่งถูกสร้างมาจากเซลล์ผิวหนัง (melanocyte) ที่เจริญมาจากเซลล์ระบบประสาท โดยแฝงตัวอยู่ที่ด้านล่างสุดของชั้นหนังกำพร้า
เมื่อเกิดเหตุจากแสงแดดกระทบใบหน้าเป็นเวลานานๆ ความเครียดสะสม หรือได้รับยาฮอร์โมน ยาคุมมากเกินไป ได้รับยากันชัก หรือยาแก้อักเสบต่างๆ รวมถึงภาวะตั้งครรภ์ของผู้หญิง ก็จะทำให้เม็ดสีเหล่านี้ผิดปกติไป ก็จะทำให้สีของผิวบริเวณนั้นผิดปกติไป ถ้ามีลักษณะเป็นแผ่นปื้นๆที่เรียกว่า "ฝ้า" ได้
วิธีรักษาฝ้า สำหรับคนหน้าเป็นฝ้า แบบไม่ทำร้ายผิว
1. ทาครีมกันแดด
ควรทาครีมกันแดดตลอดเวลาเพื่อป้องกันรังสียูวี แม้จะอยู่ในที่ร่ม และต้องทาครีมกันแดดเพื่อรักษาฝ้าอย่างน้อย 2 ครั้งในตอนเช้าและเที่ยง หากทำงานตอนกลางคืนควรทาเพิ่มอีก เนื่องจากแสงจากหลอดไฟฟ้าก็มียูวีซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า ควรเริ่มทาอย่างช้าตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า หรือกระแดด
2. พักผ่อนให้เพียงพอ
ควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง เพราะเมื่อร่างกายได้นอนหลับสนิทในช่วงเวลา 5ทุ่ม ถึงตี4 เป็นเวลาของผิว ที่จะซ่อมแซมเซลล์ผิวส่วนต่างๆทั้งการฟื้นฟู และการผลัดเซลล์ผิว และควรออกกำลังอย่างน้อย 30 นาที เพื่อเป็นการผ่อนครายความเครียด ไม่ให้เมลานินสะสม ทำให้ผิวหน้าขาวใส ไร้จุดด่างดำ เป็นวิธีรักษาฝ้าที่ดีต่อร่างกาย และช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้ดีขึ้น ด้วย
3. ดื่มน้ำสะอาด
โดยปกติแล้วร่างกายของเราควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว ต่อวัน และไม่ควรดื่มๆพรวดๆทีเดียว ควรจิบไปเรื่อยๆระหว่างวัน น้ำสะอาดจะช่วยให้ร่างกายได้ขับสารพิษ สิ่งสกปรกในร่างกาย ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบของเซลล์ทุกเซลล์ที่จะทำงานได้ดี ทำให้ผิวขาวใส ไร้จุดด่างดำ ช่วยรักษาฝ้า ทำให้ลดรอยฝ้า กระได้
4. หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางทำร้ายผิว
เครื่องสำอางที่มีสารเคมี หรือฮอร์โมนเป็นส่วนผสมจะทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ไวต่อแสง ส่งผลเร่งเมลานินในชั้นเซลล์ผิว ทำให้เกิดรอยฝ้าขึ้นได้ หากอยากรักษาฝ้าควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีสารเคมี แอลกอฮอร์ น้ำหอม และฮอร์โมนที่เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางนั้นๆ
5. ทานอาหารที่มีประโยชน์
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผักผลไม้ที่มีวิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ วิตามินซีอย่าง ส้ม แอปเปิ้ล มะละกอ แตงโมง รวมถึงผักใบเขียวต่างๆด้วย และเลือกทานอาหารที่มีวิตามินบี12 อย่างเนื้อสัตว์ ตับ นม เมื่อร่างกายได้รับประทานสิ่งเหล่านี้เข้าไป จะช่วยในการขับถ่าย ขับล้างสารพิษในร่างกาย ทำให้ช่วยรักษาฝ้า กระ จนรอยฝ้าค่อยๆจางลง
6. ใช้ครีมรักษาฝ้าที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ
ครีมรักษาฝ้าที่มาจากกรดธรรมชาติ อย่าง VitaminC, AHA จะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเมลานินได้อย่างเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยมากกว่า การใช้ สารเคมี ซึ่งกรดเหล่านี้ เราหาได้ง่ายๆจากผัก ผลไม้ อย่างเช่น หัวไชเท้า มะเขือเทศ ว่านหางจรเข้ มะนาว ส้ม มะขาม และอื่นๆอีกมากมายเป็นต้น และสารสกัดเหล่านี้ ทำให้ครีมแก้ฝ้าที่ใส่ใจต่อผิวหน้าของผู้บริโภค นำสารสกัดจากจากวิตามินเหล่านี้ มาช่วยทำให้ฝ้าค่อยๆจางลงได้ และไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า
ธรรมชาติ ช่วยรักษาหน้าเป็นฝ้าได้อย่างอ่อนโยน
มะนาว + น้ำผึ้ง
เพียงผสมมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน นำมานวดวนทั่วใบหน้า 2-3 นาที และพอกทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกให้สะอาด มะนาวมีกรด AHA & VitaminC ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดรอยดำจากฝ้า กระ ได้ดีเยี่ยม นอกจากจะช่วยรักษาฝ้าได้ดีแล้ว ยังช่วยลดความมันบนใบหน้า ทำให้ลดการเกิดสิว ผิวหน้าชุ่มชื้น สะอาดขึ้นอีกด้วย (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)
หัวไชเท้า + วุ้นว่านหางจรเข้
นำหัวไชเท้าบดคั้นน้ำออก นำน้ำหัวไชเท้าผสมวุ้นว่านหางจรเข้ที่ล้างยางออกแล้ว มาปั่น หรือบดรวมกัน นำมาพอกหน้า 15 - 20 นาที ล้างด้วยน้ำอุ่น และกระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง สูตรนี้จะช่วยให้หน้าขาวใสขึ้น ลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้าเนียนนุ่ม แถมผิวหน้ายังระคายเคืองน้อยลงจากหัวไชเท้า เพราะวุ้นว่านหางจรเข้ จะช่วยลดอาการระคายเคือง ทำให้หน้าชุ่มชื้นขึ้นด้วย จึงทำให้ไม่เเสบผิวจากหัวไชเท้าบดด้วย (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)
มะขามเปียก + นมสด
ผสมมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ กับนมสดรสจืด 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน นำมาพอกหน้า 15 นาที ล้างออกให้สะอาด มะขามเปียกมีกรด AHA จากธรรมชาติ ที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ดำกร้านให้หลุดลอกได้เป็นอย่างดี รวมถึงรอยฝ้า กระ ก็จางลงได้เมื่อทำเป็นประจำ (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)
มะละกอ + น้ำผึ้ง
นำมะละกอสุก ผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย พอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น กระชับผิวด้วยน้ำเย็น มะละกอมีสารแปปเพ็น เป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่ง เอนไซม์ตัวนี้มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิวได้ดี สามารถกำจัดรอยดำต่างๆ รวมถึงรักษาฝ้า กระ ให้จางลงได้ โดยช่วยเร่งการกำจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่ตายหรือเสื่อมโทรม เผยผิวใหม่ที่เปล่งปลั่ง แลดูสุขภาพดี หากทำอย่างต่อเนื่อง จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีทีเดียว (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)
หัวหอมแช่เย็น
ฝานหัวหอมเป็นแว่นๆ หรือสามารถคั้นเอาเฉพาะน้ำของหัวหอมแล้วนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อดับกลิ่นและลดความซ่าที่อาจทำให้แสบผิวสัก 5-10 นาที นำมาพอกหน้า 15 นาที ล้างออกให้สะอาด หัวหอมมีกำมะถันและแร่ธาตุจำนวนมากที่จะช่วยลดรอยดำจากฝ้า กระได้เป็นอย่างดี (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)
การรักษาฝ้าขึ้นกับ สาเหตุของฝ้าที่เกิดจากการรับประทานยาคุมกำเนิด หรือ ยากันชัก ถ้าหยุดยาฝ้า จะค่อยๆ จางหายไป เช่นเดียวกับฝ้าที่เกิดระหว่างตั้งครรภ์ แต่บางรายอาจหายไม่หมด เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดฝ้าได้ ฝ้าชนิดลึก จะรักษายากกว่าฝ้าชนิดตื้น การหลีกเลี่ยงแสงแดด และการพอกหน้าก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ฝ้าหายเร็วขึ้น รวมถึงควรทาครีมรักษาฝ้าที่มีสารสกัดจากหัวไชเท้า ของ Manee Skincare เพื่อรักษาฝ้าให้จางเร็วขึ้นด้วยนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น